เอกสารสำคัญที่ต้องรู้! ก่อนซื้อ-ขายรถมือสอง
เอกสารสำคัญที่ต้องรู้! ก่อนซื้อ-ขายรถมือสอง
การซื้อ-ขายรถมือสองเป็นกระบวนการที่ต้องมีความรอบคอบเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่เรื่องของสภาพรถเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงในการถูกโกง และหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเอกสารสำคัญที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมี พร้อมข้อควรระวังต่าง ๆ
1. เอกสารที่ผู้ซื้อควรขอดูก่อนโอนกรรมสิทธิ์
ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง ผู้ซื้อควรตรวจสอบเอกสารเหล่านี้อย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่ารถที่กำลังจะซื้อไม่มีปัญหาทางกฎหมาย และสามารถโอนได้อย่างถูกต้อง
1.1 เล่มทะเบียนรถ (สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ)
- ต้องเป็นเล่มทะเบียนตัวจริง ไม่ใช่สำเนา
- ตรวจสอบว่าข้อมูลในเล่ม เช่น เลขทะเบียน เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ ตรงกับตัวรถ
- ดูประวัติการโอนกรรมสิทธิ์ว่าไม่มีข้อผิดพลาดหรือสิ่งผิดปกติ
1.2 บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเจ้าของรถเดิม
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อในเล่มทะเบียนตรงกับบัตรประชาชน
- หากเป็นนิติบุคคล ต้องมีหนังสือรับรองบริษัท พร้อมตราประทับและสำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ
1.3 หนังสือสัญญาซื้อขายรถมือสอง
- ควรมีรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น รายละเอียดรถยนต์ ราคาขาย วันโอนกรรมสิทธิ์
- ควรให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายลงชื่อกำกับ
1.4 หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามีการดำเนินการแทนเจ้าของเดิม)
- กรณีที่เจ้าของรถไม่สามารถไปโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของเดิม
1.5 เอกสารการปลดภาระหนี้สิน (ถ้ารถยังติดไฟแนนซ์มาก่อน)
- หากรถเคยติดไฟแนนซ์ ต้องมีเอกสารปลดภาระจากสถาบันการเงิน เพื่อยืนยันว่าไม่มีภาระผูกพันอีกต่อไป
2. ข้อควรระวังเรื่องเล่มทะเบียนปลอม
ในตลาดรถมือสอง มีกรณีการปลอมแปลงเล่มทะเบียนรถเกิดขึ้นบ่อย โดยมิจฉาชีพอาจใช้เอกสารปลอมในการขายรถที่ไม่สามารถโอนได้จริง ดังนั้น ควรระวังสิ่งต่อไปนี้
2.1 วิธีสังเกตเล่มทะเบียนปลอม
- ตรวจสอบกระดาษและตราประทับของกรมการขนส่งทางบก (ของแท้จะมีลายน้ำและตราประทับชัดเจน)
- เช็กหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์ว่าตรงกับในเล่มทะเบียน
- นำเล่มทะเบียนไปตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้านก่อนซื้อ
2.2 วิธีเช็กประวัติรถมือสอง
- ตรวจสอบประวัติรถผ่านกรมการขนส่งทางบก (สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Check)
- เช็กว่ารถมีประวัติการชนหนักหรือถูกขโมยมาก่อนหรือไม่ โดยใช้บริการของบริษัทตรวจสอบประวัติรถยนต์
3. วิธีโอนกรรมสิทธิ์รถมือสองแบบถูกต้อง
หลังจากตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถที่สำนักงานขนส่ง โดยมีขั้นตอนดังนี้
3.1 เตรียมเอกสารสำหรับการโอน
ผู้ซื้อและผู้ขายต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้:
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง
- บัตรประชาชนตัวจริงของผู้ซื้อและผู้ขาย
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
- หนังสือสัญญาซื้อขาย
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้าดำเนินการแทน)
- ใบเสร็จค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์
3.2 ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานขนส่ง
- ผู้ซื้อและผู้ขายนำรถไปที่สำนักงานขนส่งทางบก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถ
- ยื่นเอกสารที่เคาน์เตอร์ และกรอกแบบฟอร์มการโอนกรรมสิทธิ์
- ชำระค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งคิดตามขนาดเครื่องยนต์และอายุรถ
- เจ้าหน้าที่ดำเนินการบันทึกข้อมูล และออกเล่มทะเบียนรถใหม่ให้ผู้ซื้อ
3.3 ค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าธรรมเนียมการโอน: ประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรถและมูลค่า
- ค่าตรวจสภาพรถ: ประมาณ 100-200 บาท
- ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินจากขนส่ง